หากพูดถึงคำว่า “Influencer” แล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จักและเข้าใจกันอยู่แล้วว่าคืออะไร เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาได้เกิด Influencer จำนวนมากขึ้น ซึ่งเป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบนสื่อโซเชียลต่างๆ และมีความสามารถในการส่งเสริมการขายหรือผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ โดยผ่านการแนะนำและการแชร์ประสบการณ์ของตัวเองกับกลุ่มผู้ติดตาม
ในบทความนี้เราจะพูดถึงเรื่องของ “Influencer Marketing” กันแบบละเอียด ตั้งแต่การเลือกใช้ Influencer ที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์ ข้อดีของการทำการตลาดรูปแบบนี้ สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นทำ รวมถึงตัวอย่างแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จจากการทำ Influencer Marketing เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในการทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ ถ้าพร้อมแล้วไปเรียนรู้กันเลย!
Influencer Marketing คืออะไร
“Influencer Marketing” คือการใช้บุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากในสังคมออนไลน์ (Influencer) เพื่อช่วยส่งเสริมการขายสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจ โดยใช้ความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของ Influencer ในการสร้างความสนใจและเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการนั้นๆ เช่น นักแสดง นักกีฬา หรือนักดนตรี เป็นต้น โดยการทำ Influencer Marketing มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของสินค้าหรือบริการ รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ และเป็นการจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายมีการตัดสินใจในการซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น
ประเภทของ Influencer
เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ทุกคนคงเข้าใจกันแล้วว่า Influencer คืออะไร แต่รู้หรือไม่ว่า Influencer นั้นแบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการแบ่งระดับ มีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างไร และนักการตลาดควรเลือกใช้อย่างไรให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ดังนั้นผมอยากพาทุกคนมาทำความเข้าใจกับเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของ Influencer แต่ละประเภท และสามารถนำไปปรับใช้กับการทำการตลาดแบบ Influencer Marketing ได้ครับ
Mega Influencer (มีผู้ติดตามตั้งแต่ 1,000,000 คนขึ้นไป)
ผู้มีชื่อเสียงที่มีอิทธิพลต่อคนทั่วไปอย่างมาก มีความเป็นมืออาชีพสูงในการสร้างคอนเทนต์ มักเป็นคนดังที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ทั้งในโลกออนไลน์ โทรทัศน์ และภาพยนตร์
จุดเด่น
- มักเป็นผู้นำเทรนด์ในด้านต่างๆ
- มีชื่อเสียงและไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น
- คอนเทนต์มักจะมีอิทธิพลต่อผู้ติดตามและผู้บริโภคทั่วไป
เหมาะกับใคร?
- แบรนด์ที่มีงบประมาณสูงมาก
- แบรนด์ที่ต้องการสร้าง Brand Awareness ในวงกว้าง
- แบรนด์ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้กับธุรกิจ

Macro Influencer (มีผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 คน)
ผู้มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักในสังคม โดยมักจะเป็นนักแสดง เน็ตไอดอล บล็อกเกอร์ หรือยูทูบเบอร์ มีความโด่งดังเป็นรองเพียง Mega Influencer
จุดเด่น
- มักเป็นที่รู้จักในช่องทางที่ชัดเจน
- เป็นคนดังที่มีผู้ติดตามสั่งสมมายาวนาน
- สามารถจูงใจให้ผู้ติดตามจำนวนมากสนใจในสินค้าหรือบริการได้เป็นอย่างดี
เหมาะกับใคร?
- แบรนด์ที่มีงบประมาณสูง
- แบรนด์ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
- แบรนด์ขนาดกลาง - ใหญ่ที่ต้องการขยายตลาดไปยังผู้บริโภคหมู่มาก

Mid-Tier Influencer (มีผู้ติดตามตั้งแต่ 50,000 - 100,000 คน)
ผู้มีชื่อเสียงที่มีผู้ติดตามไม่มากไม่น้อย เป็นประเภทของ Influencer ที่แบรนด์นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
จุดเด่น
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี
- สร้างยอด Engagement ได้สูง
- มีมาตรฐานในการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
เหมาะกับใคร?
- แบรนด์ที่มีงบประมาณพอสมควร
- แบรนด์ขนาดกลางที่พอมีฐานลูกค้าแล้ว
- แบรนด์ที่ต้องการความคุ้มค่าในการลงทุนกับ Influencer

Micro Influencer (มีผู้ติดตามตั้งแต่ 10,000 - 50,000 คน)
ผู้มีชื่อเสียงที่มีความชอบ ไลฟ์สไตล์ หรือ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดดเด่นในเรื่องการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดูมีความเป็นมืออาชีพกว่าระดับ Nano Influencer
จุดเด่น
- ดูเป็นคนที่มีความรู้ลึกและรู้จริง
- ให้ความรู้สึกเป็นกันเองและเข้าถึงง่าย
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความชอบหรือไลฟ์สไตล์ที่มีความเฉพาะด้านได้เป็นอย่างดี
เหมาะกับใคร?
- แบรนด์ที่มีงบประมาณปานกลาง
- แบรนด์ขนาดกลางที่พอมีฐานลูกค้าแล้ว
- แบรนด์ที่ต้องการเน้นสร้าง Engagement และ Conversion

Nano Influencer (มีผู้ติดตามตั้งแต่ 1,000 - 10,000 คน)
ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงใดแวดวงหนึ่ง มีอิทธิพลต่อคนรอบข้างสูง การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนหรือคนใกล้ตัวมากกว่าการโฆษณาชวนเชื่อ
จุดเด่น
- เจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
- ได้รับความเชื่อถือจากคนรอบข้าง
- สร้างยอด Engagement ได้สูงและสม่ำเสมอ
เหมาะกับใคร?
- แบรนด์ที่มีงบประมาณจำกัด
- แบรนด์ที่ต้องการทำการสื่อสารการตลาดแบบการบอกต่อ
- แบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจง

ข้อดีของการทำ Influencer Marketing
- สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย
การใช้ Influencer ที่มีชื่อเสียงและผู้ติดตามจำนวนมาก สามารถช่วยสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ได้โดยไม่ต้องใช้เวลานานและค่าใช้จ่ายสูงในการโฆษณาแบรนด์ โดยผู้ติดตามของ Influencer มักเชื่อมั่นในความน่าเชื่อถือและคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ Influencer คนนั้นๆ แนะนำ
- สร้างความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือในสินค้าหรือบริการและแบรนด์
การใช้ Influencer ที่เป็นผู้มีอิทธิพลสูงในวงการใดวงการหนึ่ง สามารถช่วยสร้างความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผู้ติดตามของ Influencer ชื่นชอบที่จะติดตามสิ่งที่ Influencer นำเสนออยู่เสมอ
- เปิดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
การใช้ช่องทางของ Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากในการทำการตลาด เป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถช่วยโปรโมทสินค้าหรือบริการได้อีกด้วย
- สร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย
Influencer สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกับกลุ่มเป้าหมายได้ โดยผู้ติดตามจะรู้จักและเชื่อมั่นในตัวบุคคลนั้นๆ ดังนั้นการโปรโมทสินค้าหรือบริการผ่าน Influencer จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายในภายหลัง
- เพิ่มยอดขาย
การโปรโมทแบรนด์และสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางของ Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ โดยผู้ติดตามจะเห็นสินค้าหรือบริการในแนวคิดใช้งานจริง และอาจจะมีความคุ้นเคยกับสินค้าหรือบริการนั้นก่อนการตัดสินใจซื้อ
- ประหยัดงบประมาณการตลาด
การทำ Influencer Marketing สามารถช่วยประหยัดงบประมาณในการโฆษณา โดยการใช้ Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจงกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายโดยมีงบประมาณการตลาดจำกัด
5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นทำ Influencer Marketing
การทำ Influencer Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีความซับซ้อนและต้องการการวางแผนและการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้ผลการทำงานเป็นไปได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำ Influencer Marketing ทุกคนควรทำความเข้าใจในเรื่องดังต่อไปนี้
- กำหนดวัตถุประสงค์ของการทำ Influencer Marketing
กำหนดวัตถุประสงค์ของการทำ Influencer Marketing ว่าจะใช้ในการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ ส่งเสริมการขายสินค้า หรือเพื่อการติดตามและการสนับสนุนต่อลูกค้า
- เลือก Influencer ที่เหมาะสม
ควรมีการเลือกและคัดสรร Influencer ที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการและมีกลุ่มผู้ติดตามที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
- วางแผนการทำ Influencer Marketing
ต้องมีการวางแผนเกี่ยวกับวิธีการสื่อสารกับ Influencer การสร้างคอนเทนต์ การตรวจสอบคุณภาพคอนเทนต์ และรูปแบบในการติดตามผลลัพธ์ โดยแผนงานควรมีความละเอียดและระยะเวลาของแผนงานที่ชัดเจน
- กำหนดงบประมาณการทำ Influencer Marketing
กำหนดงบประมาณสำหรับการทำ Influencer Marketing ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทางการตลาดและความสามารถในการลงทุนของธุรกิจ
- วัดผลการทำ Influencer Marketing
ต้องมีการวางแผนวิธีการวัดผลและวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการทำ Influencer Marketing เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดต่อไป
ตัวอย่างการทำ Influencer Marketing จากแบรนด์ดังระดับโลก
- Nike
Nike เป็นต้นแบบที่ดีของการใช้ Influencer Marketing ในการสร้างชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของแบรนด์ โดยในปี 2018 Nike ได้เลือกใช้ Colin Kaepernick นักกีฬาฟุตบอลชาวอเมริกันชื่อดังที่มีการแสดงจุดยืนคัดค้านการปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคนผิวสีเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและแสดงจุดยืนในเรื่องความเท่าเทียมของแบรนด์

ที่มา: nbcnews.com
- H&M
H&M ได้มีการใช้นางแบบชื่อดังอย่าง Kendall Jenner ในการทำ Influencer Marketing โดยมีการแนะนำและโฆษณาชุดเสื้อผ้าเทศกาลโซลาร์เทรดผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้ Influencer Marketing ในการเพิ่มยอดขายและเสริมสร้างความรู้สึกให้กับกลุ่มเป้าหมาย

ที่มา: teenvogue.com
- Maybelline
Maybelline ได้มีการใช้ Influencer ที่มีชื่อเสียงในวงการแต่งหน้าอย่าง Gigi Hadid และ Adriana Lima ในการโปรโมทผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ และส่งเสริมยอดขายในกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงที่ชื่นชอบการแต่งหน้า

ที่มา: allure.com
สรุป
“Influencer Marketing” คือการใช้บุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากในสังคมออนไลน์ (Influencer) เพื่อช่วยส่งเสริมการขายสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจ โดยใช้ความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของ Influencer ในการสร้างความสนใจและเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ โดยเราสามารถแบ่งประเภทของ Influencer ออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ ตามยอดผู้ติดตาม ได้แก่ Mega, Macro, Mid-Tier, Micro และ Nano ซึ่ง Influencer แต่ละประเภทจะมีความเหมาะสมในการใช้แตกต่างกันไป ข้อดีของการทำ Influencer Marketing มีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือในสินค้าหรือบริการ เปิดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ประหยัดงบประมาณการตลาด ฯลฯ เป็นต้น
หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ไปไม่มากก็น้อยนะครับ :) 💙
ปรึกษาการทำการตลาดออนไลน์กับผู้เชี่ยวชาญจาก Friday Digital เลย!
Email: hello@fridaydigital.co
Phone: 065-962-2064
Location: อาคารอัมรินทร์ทาวเวอร์ เลขที่ S5056-5057 ชั้น 5 เลขที่ 496-502 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ประเทศไทย